เจอแล้ว หนุ่ม 16 หายจากบ้านเกือบ 3 วัน พบเป็นศพลอยอืดกลางแม่น้ำแม่กลอง แม่เห็นศพเป็นลมล้มพับ ญาติเผยผู้ตายป่วยซึมเศร้า ทิ้งจดหมายลาตายไว้ด้วย ตำรวจคาดเครียดเรื่องส่วนตัวจึงคิดสั้น
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 4 มิ.ย.64 ร.ต.ท.เจริญทรัพย์ โพธิ์พระ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองราชบุรี รับแจ้งจากคนหาปลา พบศพลอยน้ำบริเวณกลางแม่น้ำแม่กลอง ท่าวัดศาลเจ้า อ.เมือง จ.ราชบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวร รพ.เมืองราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี
ที่เกิดเหตุพบศพลอยคว่ำหน้าอยู่กลางแม่น้ำแม่กลอง ระบุเพศไม่ได้ เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงทำให้ศพลอยออกไปไกลจากจุดที่พบ จึงให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเรือยนต์ติดตามเพื่อนำศพขึ้นจากน้ำ แต่กระแสน้ำไหลแรงมากประกอบกับความมืด จึงทำให้ศพไหลตามน้ำไปอยู่บริเวณท่าวัดคุ้งกระถิน หมู่ที่ 1 ต.คุ้งน้ำวน อ.เมือง ก่อนนำศพขึ้นมาจากน้ำได้ในที่สุด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรชันสูตรพลิกศพ
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นศพเพศชาย สภาพขึ้นอืด สวมเสื้อกีฬาสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ จากการตรวจสอบพบประวัติการแจ้งบุคคลสูญหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดต่อไปหาญาติ เพื่อมาดูและยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต จนแม่ของผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ เมื่อเห็นศพก็เป็นลมล้มพับ จนเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะยืนยันว่า ศพผู้เสียชีวิตคือลูกชายตน ทราบชื่อคือ นายภคเดช บุญรอด อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97/10 หมู่ที่ 2 ต.บ้านไร่ อ.เมืองราชบุรี
จากการสอบถามญาติผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ได้หายออกจากบ้านไปเมื่อเวลา 14.20 น.วันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเขียนจดหมายทิ้งไว้ที่บ้าน ระบุว่า “ไปเอารถที่บนสะพาน ท.3 นะ บอมไม่อยู่แล้ว ถ้ามาไม่เจอเท่ากับบอมตายไป” หลังเห็นจดหมายญาติๆและเพื่อนๆที่ทราบข่าว จึงช่วยกันออกตามหา และไปพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจอดอยู่บนสะพาน ท.3 จริงๆ แต่ไม่พบผู้เสียชีวิต จึงประกาศตามหาผ่านทางเฟซบุ๊ก จนวันนี้ตนได้รับการติดต่อจากตำรวจ พบศพลอยน้ำมีลักษณะคล้ายกับบุคคลสูญหายที่แจ้งไว้ ตนพร้อมแม่ผู้เสียชีวิตจึงเดินทางมาดูศพ และจดจำเสื้อผ้าที่ใส่ในวันที่หายออกจากบ้านได้ว่า เป็นศพ นายภคเดช
เบื้องต้นตำรวจคาคว่า ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แล้วเกิดอาการเครียดจากปัญหาส่วนตัว จึงคิดฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงแม่น้ำจนเสียชีวิต ซึ่งทางญาติไม่ติดใจในสาเหตุการตาย จึงมอบร่างผู้ตายให้ญาตินำกลับไป ประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป