“อัครเดช” พบ 4 ขาดที่รัฐต้องเร่งแก้ปัญหาโรคลัมปีสกิน และกรมปศุสัตว์ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อควบคุมการระบาดให้เร็ว
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 64 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในวาระเรื่องด่วนเกี่ยวกับโรคอุบัติใหม่ ลัมปีสกิน โดยระบุว่า อยากฝากไปยัง รมว.เกษตรฯ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคลัมปีสกิน ซึ่งในจังหวัดราชบุรีมีพี่น้องเกษตรกรเลี้ยงทั้งโคนมและโคเนื้อเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม คงนึกออกถึงสหกรณ์โคนมหนองโพในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ ยี่ห้อของหนองโพซึ่งเป็นกิจการในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานให้กับพสกนิกรชาวจังหวัดราชบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ตอนนี้ก็ประสบปัญหาเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ คือการระบาดของโรคติดต่อในโคเนื้อ โคนม
ซึ่งในจังหวัดราชบุรี มีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ทั้งปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอบ้านโป่ง เท่าที่ตนได้สัมผัสพบว่าทำงานด้วยความเข้มแข็ง ดูแลพี่น้องประชาชนที่เลี้ยงโคและเป็นอย่างดี นอกจากจะฉีดในเรื่องของลัมปีสกินแล้ว ยังดูแลเรื่องโควิดด้วย ถือว่ากรมปศุสัตว์ปีนี้ และปีที่แล้วเป็นหน่วยงานที่สำคัญในการที่จะควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ทั้งเรื่องโควิด-19 ที่ออกมาช่วยพี่น้องประชาชน ตนในนามของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดราชบุรีก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทุกระดับ รวมถึง รมว.เกษตรฯ และ รมช.เกษตรฯ ที่กำกับดูแลกรมปศุสัตว์
นายอัครเดช กล่าวด้วยว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ เพื่อไปทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ด่านกักกันโรคสัตว์ เจ้าหน้าที่ในระดับปศุสัตว์อำเภอ โดยปศุสัตว์จังหวัดจะมีปัญหาที่อยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า มีสิ่งที่ยังขาดอยู่ 4 อย่าง
1. ขาดเครื่องมือ ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ ต้องใช้เงินส่วนตัวมาซื้อเครื่องพ่นยา เครื่องพ่นยา ลัมปีสกิน ที่มีลักษณะเป็นปืนฉีด ใช้สำหรับฉีดพ่นให้เกิดหมอกควันในการกำจัดเหลือบไร หรือแมลงที่เป็นพาหะนำโรคของลัมปีสกิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้งบประมาณจากกรมปศุสัตว์ แต่เป็นเงินส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมีเงินเดือนน้อยอยู่แล้ว ยังต้องนำเงินส่วนตัวมาซื้ออุปกรณ์ในการฉีดพ่น จึงต้องฝากให้รัฐมนตรีได้ดูแลในเรื่องนี้ด้วย
2. ขาดบุคลากร มีบุคลากรไม่เพียงพอ บุคลากรมีจำกัด แต่พื้นที่กว้างใหญ่ การที่จะควบคุมโรคระบาดต้องทำงานแข่งกับเวลาแต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่น้อย การที่จะควบคุมพื้นที่ให้ได้ก็ต้องใช้ระยะเวลานานขึ้น และการที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา บวกกับมีบุคลากรน้อย ก็ไม่มีทางที่จะควบคุมโรคระบาดได้ เหมือนอย่างที่รัฐบาลกำลังฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 หากยิ่งปล่อยให้ยืดเยื้อออกไปผู้ติดเชื้อก็เพิ่มมากขึ้น การแพร่ระบาดก็เพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการทำงานแข่งกับเวลา ต้องคิดว่าทำอย่างไรจะฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด ทำอย่างไรจะฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โรคในสัตว์ก็เช่นเดียวกัน โรคลัมปีสกิน ก็ต้องทำงานแข่งกับเวลา แต่เจ้าหน้าที่และบุคลากรไม่เพียงพอ
3. ขาดวัคซีน เนื่องจากวัคซีนที่นำเข้าและที่มีการไปแถลงข่าวเปิดโครงการฉีดวัคซีน ลัมปีสกิน ไปนั้น ไม่ได้มาถึงจังหวัดราชบุรีแม้แต่เข็มเดียว ทั้งที่จังหวัดราชบุรีเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงโคนมเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย มีโคเนื้อก็ไม่แพ้จังหวัดอื่น แต่ไม่มีวัคซีนมาในจังหวัดราชบุรีแม้แต่เข็มเดียว ส่วนตัวเมื่อได้รับรู้ก็รู้สึกตกใจเพราะวัคซีนไปจังหวัดอื่นหมด และให้เหตุผลว่าจังหวัดอื่นมีการแพร่ระบาดมากกว่า แต่วันนี้จังหวัดราชบุรีก็มีการแพร่ระบาดแต่ก็ยังสามารถควบคุมโรคได้ แต่วัคซีนก็ยังไม่มีมาถึงเลย ส่วนตัวคิดว่าวัคซีน 60,000 โดส ที่นำเข้ามาแล้วนี้ ก็ไม่สอดคล้องกับจำนวนประชากรวัวที่มีอยู่ในประเทศไทย ฉีดเพียงจังหวัดเดียวก็หมดแล้วแต่พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนั้นมีแทบจะทุกจังหวัดทั่วประเทศมากบ้างน้อยบ้าง แต่จังหวัดราชบุรีนั้นมีโคนมเยอะติดอันดับต้นของประเทศเลย
4. ขาดยาฉีดพ่นฆ่าแมลงที่เป็นพาหะนำโรค ซึ่งเคยฉีดได้อยู่ระยะหนึ่งก็ต้องหยุดฉีด และเมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ระบุว่ายาหมด ก็ต้องไปประสานกับสหกรณ์โคนมหนองโพจังหวัดราชบุรี เพื่อขอความอนุเคราะห์ ซึ่งสหกรณ์โคนมหนองโพ ในพระราชูปถัมภ์ ก็สนับสนุนมาให้ในการควบคุม แต่ความจริงแล้วภารกิจเหล่านี้เป็นภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมปศุสัตว์ต้องจัดซื้อยาควบคุมฆ่าพาหะที่เป็นโรคลัมปีสกิน ให้กับพี่น้องประชาชนผู้เลี้ยงโคนมหรือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้เพียงพอต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
การขาดแคลน 4 เรื่องนี้ รมช.เกษตรฯ ต้องรับไปดำเนินการให้กับพี่น้องประชาชน เพราะโรคระบาดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์นั้นต้องไปทำงานแข่งกับเวลา และขอให้เติมเต็มในส่วนที่ขาดทั้ง 4 ประการเพื่อให้สามารถควบคุมโรคระบาดให้ยุติลงได้โดยเร็ว.