เมื่อเวลา 10.17 น.วันที่ 21 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยเข้าสู่การพิจารณา มาตรา 25 งบประมาณกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 3.7 หมื่นล้านบาทนั้น
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พท.สวนวิป รบ. รวบรัด หลังขอจบงบ ’65 วันนี้ ‘ชาดา’ ยุส่ง เอาเลย อภิปรายยาวๆ เลย
- ‘วิสาร’ อัด รบ. แก้โควิดเหมือนกิ้งกือตกท่อ ปิดเมืองทำน็อกเอาต์ คนตายทั้งประเทศ
- ปธ.สหายแสง รับไม่ได้ สั่งพท.ถอน คำด้อยค่าซิโนแวค-แซะบุรีรัมย์ ‘คารม’ ลุกช่วยภท.
- ‘พิเชษฐ์’ ขู่กลางสภา อย่าให้รู้ มี ส.ส.แย่งวัคซีนประชาชน ไปปักไฟเซอร์ พรุ่งนี้
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ส่วนตัวได้ขอปรับลดงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขเพียงแค่ 5% ส่วนที่ขอปรับลดนั้น เพราะส่วนตัวเป็นรองประธานคณะอนุกมธ.งบประมาณด้านครุภัณฑ์ ICT ในคณะกมธ.งบประมาณฯ ไม่ได้มีการปรับลดงบจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขเลย และเห็นแย้งกับเพื่อนสมาชิกฝ่ายค้านบางท่านที่อภิปรายว่า ทำไมถึงไม่มีการปรับลดการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับโควิด ส่วนตัวได้รับการร้องเรียนจากผู็ที่ป่วยด้วยโรคอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิดถูกรบกวนทรัพยากรทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ไปเป็นจำนวนมาก อำเภอบ้านโป่ง ราชบุรี แพทย์ทำงานหนัก นอกจากดูแลผู้ป่วยโควิดแล้วต้องดูแลผู้ป่วยทั่วไป ต้องดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสนามที่จะตั้งอีก 2 แห่ง ต้องไป Swapไปคัดกรองผู้ป่วยที่คิดว่าเป็นคลัสเตอร์ตามโรงงาน สิ่งเหล่านี้เป็นการรบกวนสิทธิ์ของผู้ป่วยประจำอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่อยากเห็นการลดงบการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับเรื่องโรคไตโรคหัวใจ โรคความดันหรือโรคอื่นๆ เพราะว่าแค่แพทย์ก็ถูกโยกย้ายถ่ายเทไปทางด้านแก้ปัญหาเรื่องโควิดเยอะอยู่แล้ว
นายอัครเดช กล่าวว่า ส่วนที่ขอปรับลด 5% เป็นเป็นไขมันที่ไม่จำเป็น เช่น การสร้างสิ่งปลูกสร้าง การซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกในระดับผู้บริหารของกระทรวง แล้วขอแปรญัตติ 5% ไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นในการควบคุมโควิด และดูแลบำรุงขวัญบุคลากรด่านหน้า หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้านอบต. อสม. ประธานชุมชนต่าง ที่ช่วยการควบคุมการแพร่ระบาดแทน เพราะปัจจุบันโรงพยาบาล หรืออสม.ต้องโพสต์ขอรับบริจาคเครื่องมือทางการแพทย์ จากผู้องค์กร พ่อค้าประชาชนผู้ที่มีกำลัง ส่วนตัวแต่ไม่ได้ตำหนิ แต่มันสะท้อนความล้มเหลวในการจัดสรรงบประมาณ ทั้งงบปกติ งบเงินกู้ตามพ.ร.ก. 3 ฉบับที่เราได้มีการกันเงินงบประมาณ 45,000 ล้าน เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นไปอย่างล่าช้า ที่ผ่านมาเคยอภิปรายหลายครั้งว่า สภาพัฒน์ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการในการพิจารณากลั่นกรองโครงการการใช้เงินกู้ต้องทำงานให้เร็ว เพื่อป้องกันความล้มเหลวในการจัดสรรงบที่จะหาเครื่องมือทางการแพทย์ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
นายอัครเดช กล่าวว่า วันนี้การกระจายวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขเป็นไปอย่างสะเปะสะปะมาก แล้วก็ไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่า จังหวัดไหนได้มากได้น้อยอย่างไร ส่วนตัวก็ฟัง ศคบ. กระทรวง ชี้แจงว่าพิจารณาจากจำนวนประชากร พิจารณาจากสถานการณ์ พิจารณาจากนโยบายของรัฐบาล แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไม่ใช่มันไม่ใช่ที่ ศบค. ชี้แจงมาไม่มีเหตุผลเลยว่าจังหวัดไหนจะได้เท่าไหร่ จึงอยากจะเรียกร้องไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ว่าขอให้ท่านลงมาดูรายละเอียดแล้วก็มาจัดสรรกระจายวัคซีน ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์จริงๆเป็นไปตามที่ท่านแถลงจริงๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อครหาความไม่เท่าเทียมเพราะชีวิตมนุษย์ของเรา ไม่ว่าจะยากดีมีจนทุกคนมีค่าเท่ากันหมด เพราะฉะนั้นจึงอยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้รับวัคซีนเท่าเทียมกันตามสิทธิ์ที่ควรจะได้ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่