จากการติดตามสถานการณ์การผลิตสับปะรดโรงงานในแหล่งผลิตหลัก 4 จังหวัดภาคตะวันตก ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี เพชรบุรี และกาญจนบุรี โดย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 ราชบุรี (สศท.10) พบว่า ปีนี้มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวรวม 253,237 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1% และมีผลผลิตรวม 937,672 ตัน เพิ่มจากปีก่อน 5%
เนื่องจากราคาปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ ประกอบกับสับปะรดที่ปลูกช่วงปลายปี 2563 และต้นปี 2564 เริ่มให้ผลผลิต และสภาพอากาศเอื้ออำนวย มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอต่อการเจริญเติบโต
ประจวบคีรีขันธ์มีผลผลิตออกมามากที่สุด 671,161 ตัน ตามมาด้วยราชบุรี 129,032 ตัน เพชรบุรี 83,468 ตัน กาญจนบุรี 54,011 ตัน ผลผลิตเริ่ม ออกสู่ตลาดมาตั้งแต่มกราคม และจะออกมากสุดในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน
สำหรับราคาที่เกษตรกรขายได้ โดยภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี ราคาเฉลี่ยทั้ง 4 จังหวัด ณ เดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ กก.ละ 6.38 บาท
แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว ทำให้โรงงานแปรรูปแต่ละแห่งต้องลดกำลังการผลิตเพราะมีสับปะรดเข้าสู่โรงงานไม่มากนัก ขณะนี้โรงงานแปรรูปสับปะรดอยู่ระหว่างปรับแผนกำลังการผลิตต่อวันเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตสับปะรด ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการกำหนดมาตรการระยะสั้นช่วงผลผลิตกระจุกตัวในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน โดยขอความร่วมมือโรงงานในพื้นที่ให้ช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่และเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
ส่วนมาตรการในระยะยาว ได้ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดและโรงงานแปรรูปวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกัน (Contract Farming) โดยสร้างความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ในการทำเกษตรพันธสัญญา เพื่อลดปัญหาผลผลิตส่วนเกินและราคาตกต่ำ รวมถึงได้ผลผลิตมีคุณภาพและมาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด.
สะ-เล-เต