บุกต่อย’พระ’เจ็บเย็บ9เข็ม ฉุนถูกหลอกอ้างรักษาโรคได้

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. พ.ต.ท.บุญเอก สรรพคง สว.(สอบสวน) สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี จับกุมตัวนายเอกรินทร์ คงมิยา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาบุกเข้าไปทำร้ายพระสงฆ์บาดเจ็บในกุฏิ วัดหินสีสุวรรณาราม หมู่ 4 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพระมานิตย์ นาควโร อายุ 37 ปี พระลูกวัดมีบาดแผลถูกของมีคมที่ข้อศอกซ้าย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเย็บแผล 9 เข็ม สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าวันเกิดเหตุขณะจำวัดอยู่ได้มีนายเอกรินทร์ อยู่ในอาการมึนเมาบุกเข้ามาในกุฏิแล้วพูดว่า รักษาใคร พร้อมตรงเข้าชกใบหน้าและลำตัวหลายครั้ง จึงพยายามต่อสู้ปัดป้อง กระทั่งนายเอกรินทร์ คว้าขวานที่อยู่ในกุฏิขึ้นมาแล้วพูดว่า ฟันซะดีไหม จึงเกิดการยื้อแย่งขวานกันกระทั่งคมขวานมาถูกข้อศอกบาดเจ็บ เป็นจังหวะเดียวกันพระลูกวัดและชาวบ้านได้ยินเสียงเข้ามาห้ามปราม ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลทำแผล และแจ้งความตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในกุฏิพบร่องรอยการต่อสู้และขวานเปื้อนเลือด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและติดตามจับกุมตัวนายเอกรินทร์ ผู้ก่อเหตุได้ดังกล่าว ก่อนนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ

สอบสวนนายเอกรินทร์ เบื้องต้นให้การว่า ก่อเหตุจริงเพราะไม่พอใจที่ พระมานิตย์ อวดสรรพคุณลงโซเชียลมีเดียทางเฟซบุ๊ก อ้างตัวว่าใช้สมุนไพรรักษาโรคหายได้หลายโรค มีญาติโยมหลงเชื่อมารักษาต้องสูญเสียเงินแต่อาการป่วยไม่หาย ก่อนเกิดเหตุได้ยินว่ามีประชาชนเกือบ 10 คน มาที่วัดต่อว่าพระมานิตย์ ว่าหลอกลวงรักษาไม่หายแถมคิดค่ารักษาแพงถึงหลักหลายพันบาท โดยมีพ่อลูกคู่หนึ่งที่เดินทางมาจาก จ.กาฬสินธุ์ เพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงิน ตามที่พระมานิตย์ อ้างว่าสามารถรักษาหายได้ใน 15 วัน ต้องเสียเงินค่ารักษาถึง 3,500 บาท จนไม่มีค่ารถกลับบ้านต้องขออาศัยนอนคอกวัวชาวบ้านใกล้เคียง อยู่กระทั่งผ่านไปหลายวันอาการป่วยไม่ดีขึ้น ตนจึงไปตรวจสอบที่วัดเพราะกลัวจะทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเข้าไปพูดคุยกับพระมานิตย์ เพื่อให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่เกิดมีปากเสียงกันจนลงไม้ลงมือดังกล่าว เบื้องต้นนายเอกรินทร์ ยินยอมชดใช้ค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน 5,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้จึงแจ้งข้อหานายเอกรินทร์ บุกรุกเคหสถาน และทำร้ายร่างกาย ส่งดำเนินคดี ขณะเดียวกันมีประชาชนบางส่วนเข้าแจ้งความดำเนินคดีพระมานิตย์ ข้อหาหลอกลวงด้วย อยู่ระหว่างสอบปากคำรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป