เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช” ระบุว่า..
จากใจจริงทนายอนันต์ชัย ถึง ส.ส.ปารีณา !
จากกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งรับคำร้องของ ป.ป.ช. และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที กรณีผิดจริยธรรมร้ายแรง บุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ กว่า 711 ไร่ ที่ หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
การต่อสู้คดีของ น.ส. ปารีณา จะไปในทิศทางใด?
จากประสบการณ์ที่ผมเคยว่าความให้กับลูกความที่บุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 99 เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เกือบทั้งสิ้น โดยมี ภ.บ.ท.5 (ภาษีบำรุงท้องที่) เป็นหลักฐาน ซึ่งผู้ครอบครองที่ป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว มักจะยกมาเป็นข้ออ้างเมื่อถูกเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ดำเนินคดี โดยต่อสู้คดีว่า ไม่ใช่ที่ป่าสงวนแห่งชาติบ้าง ไม่ทราบว่าเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติบ้าง ซื้อมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและครอบครองโดยสุจริตบ้าง สู้ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ยังไม่พอไปศาลปกครองอีก แต่ผลที่ได้รับ แพ้คดี ติดคุก ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมป่าไม้ และต้องคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้
สู้อย่างไรก็ไม่มีทางชนะรัฐได้ !
เมื่อปลายปี 2561 ผมได้รับเป็นทนายความ ว่าความให้กับลูกความคนหนึ่ง ที่จังหวัดสระบุรี ถูกฟ้องคดีที่ศาลจังหวัดสระบุรี คดีหมายเลขดำที่ 3500/2561ฯ ,3589/2561ฯ ข้อหา ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำเ้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือ ครอบครองป่าเพื่อตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯ บริเวณบ้านซับอิจิ หมู่ที่ 10 ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี อันเป็นความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ฯ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507ฯ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 116,132.20 บาท คดีนี้เหมือนกับคดีของ น.ส.ปารีณาฯ เลยครับ
ในการสู้คดีดังกล่าว ผมบอกกับลูกความว่า มี 3 ทางเลือก
1. ถ้ารับสารภาพ ศาลจะมีคำพิพากษาว่า ผิดแน่นอน มีโทษจำคุก และปรับ แต่ศาลอาจรอการลงโทษ และต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมป่าไม้ด้วย ต้องออกจากพื้นที่ป่าไม้ คืนพื้นให้กรมป่าไม้
2.สู้คดี แต่ถ้าไม่ชนะติดคุกแน่นอน ต้องคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ และยังต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กรมป่าไม้ด้วย
3. สู้คดี ถ้าชนะคดี ไม่ติดคุก ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่ต้องคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ “
จะเอาแบบไหน ?
“ผมสู้คดีไม่ให้ติดคุกได้ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กรมป่าไม้ได้ แต่ต้องคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ ! “
ลูกความผมเลือก วิธีที่ 3 !
ผมเริ่มจากการหาพยานบุคคลที่ครอบครองที่มาเป็นทอดๆ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พยานเอกสาร ภ.บ.ท.5 อ.บ.ต.มวกเหล็ก รวมถึงการทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศโดยผู้เชี่ยวชาญของศาลยุติธรรมในการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่ เป็นเล่ม เรียกว่า” รายงานผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่” ซึ่งถือว่าเป็นเอกสารสำคัญ และต้องให้ผู้เชี่ยวชาญฯ มาเบิกความอ่านภาพถ่ายทางอากาศต่อศาลด้วย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสู้คดี และซักค้านพยานของอัยการโจทก์ ทั้งเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ อุทยานแห่งชาติฯ นายอำเภอมวกเหล็ก เจ้าหน้าที่ อ.บ.ต.มวกเหล็ก เป็นต้น
ผมชนะคดี ศาลจังหวัดสระบุรี พิพากษายกฟ้อง โดยพิพากษาว่า จำเลยไม่มีเจตนาบุกรุกเข้ายึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง และไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป อัยการไม่อุทธรณ์ (ปกติอัยการอุทธรณ์ทุกคดี) คดีถึงที่สุด
ส่วนอีกคดีหนึ่ง ศาลจังหวัดสระบุรี คดีหมายเลขดำที่ สวอ.32/2562 ฯ อยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกัน (ผมไม่ได้เป็นทนาย) จำเลยรับสารภาพ ศาลจังหวัดสระบุรี พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยรับสารภาพ จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลย 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง กับให้จำเลยทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่วโมง ให้จำเลยและบริวารออกไปจากป่าและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากป่าสงวนแห่งชาติ กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 118,545 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ฯ แก่กรมป่าไม้
ทั้ง 2 คดี เป็นเรื่องเดียวกัน พื้นที่ใกล้เคียงกัน มีผลต่างกัน ผลที่ลูกความผมได้รับชัยชนะ ชนะคดีกรมป่าไม้ ไม่มีคดีติดตัว ประวัติไม่เสีย ต่างกับคดีที่ 2 อย่างสิ้นเชิง แพ้คดี เกือบติดคุก ต้องมีคดีติดตัว ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กรมป่าไม้ ฯลฯ
ซึ่งทั้ง 2 คดี ผมได้นำมาลงเป็นตัวอย่างในบทความนี้แล้วเพื่อเป็นกรณีศึกษา และผมเคยไปออกรายการ คมชัดลึก “ จากที่ดิน ปารีณา ถึงความฟอนเฟะของข้าราชการไทย “
ส่วนกรณีของ น.ส.ปารีณาฯ จะสู้คดีแบบไหน แล้วแต่จะเลือก ถามผมได้น่ะครับ ว่าแต่จะกล้าถามผมไหมล่ะ ?
ผมมีแนวทางในการต่อสู้คดีชนะด้วย ไม่ติดคุก ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่ต้องคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้น่ะครับ !
ถ้าสู้คดีแบบ “หัวชนฝา หัวจะแตก หมอไม่รับเย็บ “
ถ้าจะให้ผมแนะนำ “ สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน ถ้ารับสารภาพต่อศาล อาจรอการลงโทษ “
บทความของนี้ เหมาะสำหรับนักกฎหมาย ทนายความ ผู้ครอบครองที่ดินของรัฐที่มี ภ.บ.ท.5 โดยเฉพาะ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี
บทความนี้ผมเขียนขึ้นมาจากประสบการณ์การเป็นทนายความ ว่าความคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และจากใจจริงของผม ฝากถึง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี อยากให้อ่าน แล้วพิจารณาด้วยสติปัญญา แล้วจะรอดปลอดภัย
คิดไม่ออก ถามผมได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษา
ด้วยความปรารถนาดี
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
(ทนายกระดูกเหล็ก)