หมายเหตุ : “ปารีณา ไกรคุปต์” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” ถึงการทำหน้าที่ของส.ส.ในฝ่ายนิติบัญญัติ ตลอดจนสะท้อนมุมมองทางการเมืองที่กำลังเข้าสู่บรรยากาศอันเข้มข้น ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
โดยปารีณา ถูกจับตาว่าเป็นหนึ่งใน “ทีมองครักษ์พิทักษ์” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีสาระที่น่าสนใจดังนี้
– การทำงานในฐานะส.ส.เป็นอย่างไรบ้าง
การเข้ามาเป็นส.ส.ครั้งนี้ ก็ทำหน้าที่เหมือนเดิม แต่มีหน้าที่เพิ่มเข้ามาคือหน้าที่ในรัฐสภา ตอนที่ไม่ได้เป็นส.ส. ไม่ได้อยู่ในวาระ แต่ยังมีชาวบ้านมาหา มาร้องเรียนมาพึ่งพากันบ้าง ซึ่งตัวเองเป็นส.ส.มานานกว่า 16 ปีแล้วจะเป็นหรือไม่เป็นส.ส.ก็ยังเหมือนเดิม แต่ต่างกันที่หน้าที่รัฐสภาเพิ่มขึ้น
– การเป็นส.ส.ตั้งแต่ปี 2548 มองว่าบทบาทการทำงานจากอดีตถึงปัจจุบันต่างอย่างไร
ต่างกัน เพราะแต่ก่อนไม่ดัง แต่ในปัจจุบันเราดังในโซเชียลมีเดีย เมื่อเราอยู่ในพื้นที่สื่อและสื่อให้พื้นที่เรา และการที่เราค่อนข้างมีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียเมื่อแสดงอะไรออกไป ทำให้มีคนเห็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อดีที่เสียงเล็กๆ ของเราทำให้คนได้ยินมากขึ้น
แต่ถ้าเป็นเรื่องในพื้นที่สื่อมวลชนจะไม่ค่อยให้ความสนใจมากเท่าไหร่ แต่หากเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนให้ความสนใจก็จะให้พื้นที่สื่อเยอะ แต่ก็ยังมีโซเชียลมีเดียที่คนจะเข้ามาดูอยู่ ซึ่งแตกต่างกับการเป็นนักการเมืองในอดีตที่เราจะอยู่ในที่มืด แต่เมื่อมีวิวัฒนาการก็เป็นผลดีกับเรา แต่ก็ต้องมีความระมัดระวังในการแสดงออกต่างๆ
– ช่วงหนึ่งที่ถูกปลอมเฟซบุ๊ก ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง
ถูกปลอมเฟซบุ๊กมาตลอด เคยไปแจ้งความและก็มีการปิดเฟซบุ๊กปลอมไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมีคนปลอมขึ้นมาอีก อย่างล่าสุดได้ไปแจ้งความคนที่สร้างเฟซบุ๊กปลอมประมาณ 20 เฟซบุ๊ก ซึ่งอยากให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือปอท.ทำงานให้เร็วกว่านี้ เพราะเฟซบุ๊กปลอมสามารถตรวจสอบได้ หากปอท.ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ของจริง ก็ต้องทำอะไรบ้างอย่างแต่การดำเนินการล่าช้าทำให้เกิดผลเสีย ซึ่งวันนี้สังคมเริ่มรู้แล้วว่า เฟซบุ๊กไหนจริงหรือเฟซบุ๊กไหนปลอมก็ดีขึ้นและขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณเสพสิ่งต่างๆ ด้วย
-การที่มีคนมาปลอมเฟซบุ๊กเราเพราะอะไร
มีผลกระทบ วันนี้ยังมีคนติดตามและไปส่องเฟซบุกปลอมอยู่ แต่ถ้าเขาส่องเพราะความสนุกสนานก็ไม่เป็นอะไร แต่ในการคอมเม้นท์ ที่พวกอวตารมาคอมเม้นท์ก็ไม่ยุติธรรม ซึ่งเฟซบุกก็สร้างความเสียหาย แต่สังคมเริ่มที่แยกแยะได้ก็ทำให้ดีขึ้น
-การใช้สื่อโซเชียลชี้แจง ทำให้พื้นที่ในการพูดคุยมากขึ้นหรือไม่
ทำให้เราอยู่ในที่สว่าง เวลาเราพูดอะไรออกไป แม้สื่อหลักจะนำเสนอหรือไม่นำเสนอก็ตาม เพราะวันนี้ทุกคนมีโทรศัพท์ มีโซเชียลมีเดียที่มากกว่าโทรทัศน์ แม้แต่สื่อหลักเองก็ปรับและพัฒนาตัวเองให้อยู่โลกของโซเชียลมีเดียมากขึ้น เท่ากับเราพึ่งพาสื่อหลักน้อยลงด้วยซ้ำ แต่สื่อหลักก็ยังให้พื้นที่เราอยู่ ถือเป็นข้อดีในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ
อย่างที่มีการแชร์เฟซบุ๊กปลอมระบุว่า ปารีณาเสนอให้มีการใช้กระสุนจริงยิงคณะราษฎร ซึ่งขณะนั้นโซเชียล มีเดียได้แชร์เฟซบุกปลอมไปจำนวนมาก ทำให้เราต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชันติ๊กต๊อก มาทำเป็นคลิปชี้แจงแทน ซึ่งปรากฎว่ากระแสตีกลับและมียอดวิวเป็นล้านถือเป็นเรื่องที่ดี
– มีคนส่งข้อความมาทางโซเชียลมีเดียให้เราช่วยอะไรบ้างหรือไม่
ก็มีส่งมาอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง เพราะมีคนส่งมาจำนวนมาก ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะแต่ก่อนเราเปิดทุกช่องทางการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ที่ดูแลอยู่ ทั้งทางโทรศัพท์ ,ไลน์ และเฟซบุก แต่พอเริ่มมีการแกล้งกัน เราก็เปิดน้อยลง เพราะมันเยอะเกินไป กลายเป็นการเจอกันแบบตัวต่อตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งประชาชนก็จะเข้าหาเราง่าย เพราะเราอยู่ตามวัด
-การที่เป็นส.ส.พรรครัฐบาล ถูกจับจ้องเป็นพิเศษหรือไม่ และเมื่อทำอะไรที่ปกป้องรัฐบาล ก็จะถูกโจมตี
รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเป็นเป้าเลยด้วยซ้ำ บางครั้งเราอาจจะมีข้อผิดพลาด เราอาจจะพูดอะไรผิดพลาด แต่บางครั้งเราไม่ได้พูดอะไรผิดพลาด แต่เขาทำเหมือนเราผิดพลาด มีความพยายามโยงไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ก็เริ่มชินและปรับตัวได้แล้ว
-ภาพที่คนอื่นมองเราว่าเป็นนักการเมืองตัวจี๊ดในสภา เรารู้สึกอย่างไร
เป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ใครจะว่าอะไรก็แล้วแต่เขา เราเป็นสมาชิกรัฐสภาต้องทำหน้าที่ ถ้าใครทำผิดกฎระเบียบระหว่างการประชุมสภาก็ต้องมีการประท้วง
เช่นเดียวกับการอภิปรายที่ผ่านมาก็เป็นการอภิปรายที่เขียนมาจากจิตใจ จากหัวใจของตัวเอง ทุกคนที่ฟังการอภิปรายของเรา อาจจะชอบบ้างไม่ชอบบ้าง
– การอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงเดือนก.พ.พรรคพลังประชารัฐได้วางตัวให้ทำอะไรบ้าง
พรรคไม่ได้วางอะไรปล่อยไปตามธรรมชาติ การอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นทุกสมัย ทุกรัฐบาล และเชื่อว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะชี้แจงได้ไม่มีปัญหา แต่อยากจะฝากฝ่ายค้านว่าทำงานให้สร้างสรรค์กว่านี้ เพราะที่ผ่านการอภิปรายแต่ละครั้งประชาชนได้ประโยชน์น้อย บางครั้งฟังการอภิปรายเป็นชั่วโมงไม่มีเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเลย มีแต่เรื่องเสียดสี บิดเบือนต่างๆ
แต่วันนี้หนักกว่าเก่า เพราะมีการนำเรื่องสถาบันเข้ามาในรัฐสภา ซึ่งที่จริงแล้วคนที่ทำหน้าที่ประธานสภาจะต้องควบคุมการประชุมสภา แต่กลับปล่อยให้มีการพูดจา การอภิปรายออกไป เอาเป็นว่า การเมืองควรเป็นเรื่องเฉพาะฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลพอแล้ว ไม่ต้องไปแตะต้องสถาบัน แต่ที่ผ่านมาประธานในที่ประชุมสภาฯกลับเปิดให้พูดกันเต็มที่เลย
-หากการอภิปรายครั้งที่จะถึงนี้ ฝ่ายค้านมีการพูดเรื่องสถาบัน เราจะยกมือค้านหรือไม่
คนยกมือค้านคงเยอะ อาจไม่ถึงตัวเองก็ได้ แต่อยู่ที่ประธานการประชุม ซึ่งที่ผ่านมาพอมีการประท้วงประธานก็ไม่เป็นไรให้อภิปรายต่อ ทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ซึ่งอยู่ที่ประธานสภาที่ต้องควบคุมการประชุม ส่วนสมาชิกรัฐสภาก็มีสิทธิ์อภิปราย มีสิทธิ์ประท้วง แต่หากผิดข้อบังคับการประชุมก็อยู่ที่ดุลยพินิจของประธาน ซึ่งประธานก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี
-ในการอภิปรายครั้งนี้ ฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เราจะปกป้องอย่างไร
ไม่มีอะไรต้องปกป้อง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงท่านชี้แจงได้หมดอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อรัฐสภาได้อย่างชัดเจน แต่ฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชน เพราะบางครั้งจะมีตัดต่อคลิปบางช่วงของการอภิปรายเอาไปเสียดสี อยากให้ประชาชนฟังอภิปรายแบบเต็ม ๆ มากกว่าฟังจากคลิปที่มีการตัดต่อมาแล้ว
-ความคืบหน้าการต่อสู้คดีรุกป่า
ขณะนี้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สั่งฟ้องและจะส่งอัยการ ซึ่งตอนนี้ได้ใช้เอกสิทธิ์ส.ส.อยู่ เมื่อปิดสมัยประชุมก็จะมอบตัวไปอยู่ในกระบวนการยุติธรรม พร้อมที่จะต่อสู้เต็มที่ เพราะคดีของปารีณา แตกต่างจากคดีของแม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าอย่างแน่นอน เพราะคดีนั้นเป็นการบุกรุกที่ป่าถาวร ป่าสงวนแห่งชาติ แต่ของปารีณา เป็นที่ดินส.ป.ก.ซึ่งมีการส่งคืนที่ดินหมดแล้ว
– มองการทำงานของรัฐบาลอย่างไรบ้าง เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังเจอปัญหาโควิด-19 ที่หลายฝ่ายโจมตีในการแก้ปัญหา
เป็นเพียงกระแส หากเราดูในข้อเท็จจริง ถามว่ารัฐบาลแก้โควิด-19 ไม่ได้อย่างไร โควิด -19 ที่เกิดขึ้นรอบแรกเป็นวิกฤติที่ทั่วโลกไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งทุกคนยังไปไม่ถูกว่าคืออะไร ป้องกันอย่างไร ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยเป็นเบอร์หนึ่งที่แก้ปัญหาได้ ทั่วโลกชื่นชมที่ไทยสามารถควบคุมได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน
ส่วนโควิด -19 รอบใหม่เกิดขึ้นทั่วโลก เกิดทั้งในประเทศที่มีและไม่มีบ่อนผิดกฎมายหรือแรงงานผิดกกฎหมาย ซึ่งรอบนี้เราก็ทรงตัวได้ดีที่สุดและยังทรงดีมากดูได้จากตัวเลข ถือว่าประเทศไทยควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีที่สุด
โดยเฉพาะเรื่องของการเยียวยาที่ถูกโจมตีเยอะ ก็ขอให้ไปดูประเทศอื่นด้วย ประเทศไทยเยียวยาให้เยอะกว่าถ้านับกันจริง ๆ 40 ล้านคนที่มีการตั้งงบประมาณ แต่แน่นอนรัฐบาลทำอะไรก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์
แต่ขอยืนยันว่าในพื้นที่ของตัวเอง พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินเยียวยาไม่ว่าจะรุ่นไหน โครงการไหน เขาชื่นชมรัฐบาลกันทั่วหน้า ต่างกับที่มีบางกลุ่มออกมาต่อว่ารัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากความเป็นจริงในพื้นที่
-ประชาชนในพื้นที่จ.ราชบุรีได้ฝากอะไรมาบ้าง
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ดูแลกันมายาวนานตั้งแต่สมัยคุณพ่อ ชาวบ้านก็คุ้นชินกัน เมื่อมีเรื่องอะไรก็จะติดต่อมาทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม บางเรื่องก็ช่วยได้ บางเรื่องช่วยไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งคือเราพยายามแล้วที่จะช่วยอย่างสุดความสามารถ แต่บางทีเราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ซึ่งตัวเองจะเน้นเรื่องความเสมอต้นเสมอปลาย 16 ปีที่แล้วเป็นอย่างไรวันนี้ก็ยังเป็นอยู่
-คนอาจจะไม่รู้ว่าตัวตนของปารีณาเป็นอย่างไร เราอยากให้คนมองเราอย่างไร
โดยส่วนตัว ใครจะมองอย่างไร มองดีหรือไม่ดีอย่างไร ปกติก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เพราะเรายึดมั่นในตัวเองก็เป็นตัวของตัวเองไป ตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็น้อมรับได้หมดอยู่แล้ว ทุกวันนี้งานเยอะมากๆ อยู่แล้ว