ผู้เฒ่าจุดไฟเผาขยะ แต่ไฟลุกลามหนีไม่ทันถูกคลอกดับ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มี.ค. 64 ร.ต.อ.ประเสริฐ ใจเมือง ร้อยเวรสภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุคนถูกไฟคลอกเสียชีวิตเหตุเกิดที่บริเวณหลังบ้านเลขที่ 162/3 บ้านหวายน้อย ติดชายแดนไทย – พม่า หมู่ 3 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลสวนผึ้ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี ในที่เกิดเหตุบริเวณสวนกล้วย พบศพนายเสนีย์ เจริญสุข อายุ 78 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ สภาพศพถูกไฟคลอกตามลำตัว จนผิวหนังหลุดลอกออกมา

จากการสอบถามนายละออง เกิดกอง อายุ 37 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ก็พาไปดูจุดเกิดที่นายเสนีย์ ถูกไฟคลอกพร้อมกับบอกว่า ได้ยินเสียงภรรยาของนายเสนีย์ ตะโกนเรียกให้ช่วย จึงได้รีบมาดู ก็พบว่านายเสนีย์นั้นถุกนำตัวออกมาจากกองไฟแล้ว ซึ่งนายเสนีย์นั้นชอบมาจุดไฟเผาขยะในบริเวณนี้เป็นประจำ แต่ครั้งนี้น่าจะหนีไม่ทัน เนื่องจากมีกิ่งไม้แห้งจำนวนมาก ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว จนหนีไม่ทัน

ด้านนางปวิตรา แสวงดี อายุ 53 ปี ภรรยาของผู้ตาย ก็เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุได้มาช่วยผู้ตายเผากองขยะด้วย แต่เห็นว่ามีไฟลุกลาม จึงได้ออกไปที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกล เพื่อจะไปเอาน้ำมาดับไฟ แต่พอกลับมาก็พบว่าสามีกำลังถูกไฟคลอก เนื่องจากขาของสามีนั้นไม่แข็งแรงเป็นโรคเข่าเสื่อม โรคเก๊าท์ เดินไม่ค่อยไหว จึงได้ตะโกนเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วย และพยายามลากสามีออกมาด้านนอก แต่อุ้มไม่ไหว จึงได้วิ่งไปเอาโทรศัพท์มาโทรตามญาติๆให้มาช่วย แต่ก็มาขาดใจตายเสียก่อน

ส่วนนางอภิขนา ทองเหลือ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ซึ่งเดินทางมาดูศพก็เล่าให้ฟังว่า พอรู้ว่าลุงเสนีย์ตายก็ตกใจมาก เพราะในช่วงเวลา 10.14 น. นั้นนายเสนีย์ได้โทรศัพท์ไปหา พร้อมกับบอกว่า “ ผู้ใหญ่ นี่ลุงเส นะ ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่า ลุงเส เดี๋ยวหนูโทกลับนะ เพราะตอนนี้ไปร่วมงานแต่งงานอยู่ “ จากนั้นก็วางหู และทราบจากพี่สาวว่าหลังจากนั้นเวลา 10.15 น. ลุงเส ก็โทรไปหาพี่สาวอีกคน แต่ไม่ได้ทันได้คุยกันเพราะอยู่ในงานแต่เหมือนกัน จนมีคนมาบอกว่าลุงเส ตายแล้วตั้งแต่ยังไม่ 10.00 น. ตนก็งง ว่าลุงเพิ่งจะโทหาตนกับพี่สาวทั้งที่ลุงเสตายแล้ว และลุงก็ได้ไม่พกโทรศัพท์ เชื่อว่าเป็นความผูกพันที่ลุงเส นั้นให้ความเคารพนับถือเวลามีเรื่องอะไรก็จะมาพูดคุยกับลุงตลอด พอรู้ว่าลุงเส ตายก็เสียใจมากและเชื่อว่าที่ ลุงเส โทรหานั้นอาจจะไปร่ำลาตนก็ได้

เบื้องต้นนั้นทางญาติๆของผู้ตายไม่ได้ติดใจในการตาย จึงได้มอบศพให้ทำพิธีทางศาสนาต่อไป