ไอเดียเจ๋ง..ช่วงโควิดระบาด ชาวบ้าน ต.ดอนคา อ.บางแพ จ.ราชบุรี รวมกลุ่มเลี้ยงด้วงสาคูใช้ต้นสาคู และเปลือกทุเรียนที่แม่ค้าปอกขายแล้วทิ้ง นำไปเลี้ยงช่วยลดต้นทุนการ เพียง 45 วัน จับด้วงขายรายได้หลักหมื่นต่อเดือน
( 28 พ.ค. 64 ) ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด -19 ทำให้ทุกอาชีพได้รับกระทบ แต่บางคนยังคงดิ้นรนสู้ด้วยลำแข้งพยายามหาแนวทาง ปรับเปลี่ยนอาชีพมาเสริมในช่วงนี้ เพื่อประคองครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ เช่นเดียวกับ นายอำนาจ บุญสวัสดิ์ เกษตรกร หมู่ 4 ต.ดอนคา อ.บางแพ จ.ราชบุรี ที่ได้ผันอาชีพจากการเลี้ยงลูกพันธุ์ปลานิลไว้จำหน่ายประชาชนที่สนใจทั่วประเทศ แต่ช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 ระบาดระลอกที่ 3 ซึ่งถือว่าหนักมาก ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบ มีสั่งซื้อลูกปลาน้อยลง จึงต้องปรับเปลี่ยนหาอาชีพเสริมใหม่มาเลี้ยงด้วงสาคูได้ประมาณ 3 เดือนเศษ โดยมีเพื่อนสมาชิกในกลุ่มประมาณเกือบ 600 คน หันมาเลี้ยงด้วงส่งขายตามตลาดนัดนำไปทอดกรอบร่วมกับแมลงอื่น ๆ เลี้ยงง่าย โตเร็ว ใช้เวลาเพียงเดือนเศษ ก็สามารถจับขายส่งจำหน่ายตลาดได้แล้ว ซึ่งที่นี่ยังถือเป็นการรวมกลุ่มเลี้ยงด้วยสาคูในช่วงสถานการณ์โควิด ที่ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เลี้ยงครอบครัวใช้เวลาไม่นาน อีกทั้งที่กลุ่มเลี้ยงด้วงสาคูยังมีเทคนิคการเลี้ยงที่แปลก โดยนำเปลือกทุเรียนที่ไม่มีค่าถูกทิ้ง หลังจากที่แม่ค้าขายเนื้อทุเรียนไปแล้ว นำมาใส่ในกะละมัง ร่วมกับวัสดุอื่น ๆ เพื่อด้วงกิน เปลือกทุเรียนสามารถลดต้นทุนการเลี้ยงได้เยอะมาก
นายอำนาจ บุญสวัสดิ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 4 ต.ดอนคา อ.บางแพ กล่าวว่า ได้สืบหาการเลี้ยงจากยูทูป เริ่มเลี้ยงจาก 7 กะละมัง ซื้อมา 2,800 บาท ทดลองเลี้ยงดู พบว่าออกลูกได้เยอะมาก แม่ด้วง 5 คู่ ได้ลูกประมาณ 270 ตัว ต่อ 1 กะละมัง จึงคิดว่าด้วงสาคูน่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ดี จึงสั่งพ่อ แม่พันธุ์มาอีก ครั้งแรก 300 คู่ เป็นสัตว์เลี้ยงง่าย จึงทยอยสั่งมาอีก 2,000 คู่ เลี้ยงมาประมาณ 3 เดือนแล้ว เดือนแรกขายได้ประมาณกว่า 10,000 บาท เดือนที่ 2 ได้เงินกว่า 20,000 บาท และเดือนที่ 3 ได้เงิน 50,000 กว่าบาท เป็นสิ่งที่ตอบรับกับอาชีพช่วงสถานการณ์โควิด – 19 อยากให้คนที่ตกงาน ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีนั้น ให้ลองมาเลี้ยงด้วงสาคูกัน ตอนนี้มีการส่งออกต่างประเทศไปที่จีน และอีกหลายประเทศที่ต้องการโปรตีนของด้วง โดยนำไปตรวจสอบแล้วที่แล็ปอยู่ที่ 28 โปรตีน เป็นด้วงสด แต่หากเป็นด้วงทอดอยู่ที่ 27 โปรตีน ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และชาวบ้านทั่วไปนำไปทอดขาย
ขั้นตอนการเลี้ยงจะใช้สาคูเป็นชุดทดลองใช้ประมาณ 4 กก. อาหารเลี้ยงสุกร 3 ขีด จุลินทรีย์ 1 ช้อนโต๊ะ กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน น้ำเปล่าประมาณ 4.7 กก. ต่อกะละมัง ใช้กาบมะพร้าวปิดส่วนหน้าด้านบน ปล่อยพ่อแม่พันธุ์ 4 หรือ 5 คู่ ทิ้งไว้ 20 วัน ลูกด้วงไม่ต่ำกว่า 270 – 350 ตัว ต่อ 1 กะละมัง โดย 1 กะละมังจะได้น้ำหนักประมาณ 8 ขีดถึง 1.3 กก. ลงทุนไม่เกิน 90 บาท ต่อกะละมัง ขายปลีก กก.ละ 250 บาท ขายส่ง 10 กก.ขึ้นไป กก.ละ 200 บาท หากส่งเข้าบริษัท กก.ละ 180 บาท ทางบริษัทรับไม่อั้น
ส่วนเรื่องการใช้เปลือกทุเรียนเป็นแนวคิดทราบมาว่าทางประเทศจีนใช้ทั้งลูกทุเรียนเลี้ยงด้วงสาคู โดยเห็นตามตลาดนัดได้นำเปลือกทุเรียนนำไปทิ้ง จึงนำกลับมา ใช้ประโยชน์ด้วยการเอามาเลี้ยงด้วงสาคู เริ่มเพาะพันธุ์ให้เป็นตัวก่อนแล้วจึงเริ่มเลี้ยงด้วยเปลือกทุเรียน ช่วยเรื่องการลดต้นทุนได้มาก ซึ่งไม่ใช่ราคาต้นทุนที่กะละมัง 90 บาท แล้ว แต่จะเหลือต้นทุนที่กะละมัง 50 – 60 บาท จากที่เราจะซื้ออาหารมาเป็นส่วนผสมการเลี้ยง แต่จะใช้เปลือกทุเรียนมาเป็นส่วนผสมเลี้ยงดีกว่านำไปทิ้งเสียประโยชน์ รสชาติของด้วงสาคูหากเทียบกับหนอนต่อ ด้วงสาคูจะมีรสชาติหวาน หอม มันได้ดีมาก เพราะว่าอย่างคนไม่เคยกินด้วยสาคูแล้วลองมาชิมดูติดใจทุกคน การเลี้ยงใช้เวลาประมาณ 35 – 40 วัน ช่วงเตรียมจับขายให้ล้างท้องด้วยเกลือ ใบเตย ผลไม้ทุกชนิดที่ด้วงสาคูกินได้ ทิ้งไว้ 5 – 6 ชม.แล้วจึงนำมาทอดได้
ส่วนคนที่สนใจอยากเลี้ยงจะมีชุดทดลองให้ไปเลี้ยงสัก 1 กะละมัง ถ้าชอบหรือสนใจสามารถมาซื้อไปเลี้ยงอีกได้ อยากช่วยเหลือช่วงสถานการณ์โควิดที่หลายคนไม่ค่อยมีเงิน จึงอยากช่วยลดต้นทุนให้น้อยที่สุด 1 ชุดทดลองราคา 340 บาทพร้อมกะละมัง และฝาปิด มีสาคู จุนลินทรีย์ กากน้ำตาล อาหารหมู มีแม่พันธุ์ 5 คู่ต่อ 1 กะละมัง แต่หากจะเลี้ยงขาย มีพ่อแม่พันธุ์ ราคาตัวละ 6 บาท เนื่องจากจะต้องเลี้ยง ไปในระยะ จากเดิมที่เคยเลี้ยงไว้ 40 วัน เพิ่มเลี้ยงไปอีก 15 วัน ก็จะเป็นตัวโตเข้าไปม้วยทำรังอาศัยอยู่ในใยมะพร้าว โดยตัวด้วงจะสร้างรังจากกาบใยมะพร้าวลักษณะเป็นม้วนห่อตัวเอง หากเราไม่ขายก็สามารถเลี้ยงต่อไปเป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ได้อีก
ด้วงสาคูจึงถือได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจของกลุ่มชาวบ้านใน อ.บางแพ ที่หันมาสนใจทดลองเลี้ยงส่งออกขายตามตลาดทั่วไป เป็นสัตว์ที่มีโปรตีนสูง เมื่อนำทอดใส่ในกระทะจะมีลักษณะสีเหลืองอ่อน ลูกค้าหรือผู้ที่ชื่นชอบแมลงทอดกรอบก็บอกได้เป็นเสียงเดียวกันกันว่ารสชาติมันดี ไม่แพ้กับแมลงทั่วไปที่เคยทอดขาย ถือเป็นอีกตัวอย่างอาชีพที่ดีที่ได้ทำมาหากินสร้างรายได้ สร้างอาชีพในยุคปัจจุบัน สร้างความเข้มแข็งในกลุ่มจนประสบความสำเร็จ